ไม้แบตฯในฝัน



หลังจากที่คราวก่อน จับคูปองส่วนลด 30 เปอร์เซ็นต์ได้ ก็แวะเวียนไปจับคูปองอีกหลายครั้ง ณ ห้างที่สุดที่รักทำงาน ไปยืนต่อแถวเหมือนเดิม มองเห็นคนข้างหน้าจับคูปอง ได้คนละ 30เปอร์เซ็นต์บ้าง 20 เปอร์เซ็นต์บ้าง บางคนได้ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ก็มี นึกในใจว่า จะเหลือมาถึงเราบ้างไหมหนอ ไอ้ 40 เปอร์เซ็นเนี๊ยะ

คราวก่อนสุดที่รักบอกว่า ถ้าคราวหน้าจับคูปอง 30 เปอร์เซ็นต์ได้ใหม่ จะพาไปซื้อไม้แบตมินตันอันใหม่ให้ หลังจากวันนั้นก็แวะเวียนไปดูหน้าตาไม้แบต ที่อยากได้ ดูแล้วโอ้มันช่างแพงซะจริงๆ มองไม่เห็นเลยราคาต่ำกว่า 2,000 สมกับเป็นห้างดังกลางใจเมืองซะจริงๆ สุดท้ายก็เล็งไว้รุ่นนึง กะว่า ราคาเต็ม 3 พันกว่าๆ ใช้ 30 เปอร์เซ็นต์ ก็น่าจะเหลือ 2 พันต้นๆ.... ก็แวะเวียนไปจับคูปองอีกหวังจะได้ 30 เปอร์เซ็นต์อีกซักครั้ง

เมื่อถึงคิวจับคูปอง "หยิบได้ 1 ใบค่ะ" พนักงานบอก ไอ้เราก็นึกในใจ "ขอให้ได้ 30 อีกซักใบเถอะ เจ้าพระคู้ณณณ..." หยิบเสร็จก็ยื่นให้พนักงาน แกะดู "ได้ 20 เปอร์เซ็นต์ค่ะ" เศร้าเลย... 20 เอง ที่ไม่ดีใจเพราะว่า สุดที่รักทำงานที่ห้าง มีส่วนลดพนักงาน สามารถซื้อสินค้าได้ส่วนลด 20 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว "เฮ้อ.....คราวหน้าเอาใหม่" พูดกับตัวเอง

วันถัดมาเอาอีก ไปยืนต่อคิวจับคูปองเหมือนเดิม "หยิบได้ 1 ใบค่ะ" "เมื่อไหร่ AIS จะใจดีให้หยิบ 2 ใบบ้างนะ..." คิดในใจ "อุตส่าห์เป็นลูกค้าแสนดีมานานกว่า 10 ปีอีกเนี๊ยะ....ให้แค่เนี๊ยะ จับคูปอง" บ่นในใจ.... "ได้ 10 เปอร์เซ็นต์ค่ะ" เอ๊ย......เหมือน AIS ได้ยินตอนบ่น.... "ไมเหลือแค่นี้อ่ะ วันแรกจับได้ 30 ต่อมาเหลือ 20 วันนี้เหลือ 10 เอง.....โอ้.....พรุ่งนี้เหลือ 0 หรือเปล่าว้าาาา...." แล้วก็เดินคอตกกลับไปหาสุดที่รัก จะอ้อนให้ซื้อไม้แบตให้หน่อย ไม่ต้อง 30 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ สุดที่รักบอกว่าไม่เอาอ่ะ...ไปจับคูปองมาให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์ก่อนจะซื้อให้ (.......)

แล้วก็วนเวียนไปต่อแถวอยู่บ่อยครั้ง... หวังว่าจะได้ 30 เปอร์เซ็นต์เพื่อมาซื้อไม้แบต..... แต่ก็ยังไม่ได้ซะที ได้อยู่แค่ 20 กับ 10 เปอร์เซ็นต์ แล้ววันนึงก็มาถึง.....
"หยิบได้ 1 ใบค่ะ" "อยากได้ 2 ใบอ่ะ...." คิดในใจ แต่หยิบไม่ได้ "ยินดีด้วยค่ะ.....50 เปอร์เซ็นต์" แทบจะกลั้นความดีใจไม่ให้ออกนอกหน้าไม่ได้ ตั้ง 50 เปอร์เซ็นต์ เย้ๆๆ.......

รีบเดินขึ้นไปหาสุดที่รักใน office ทันที.... แกล้งฟอร์มทำหน้าเฉยๆ ออกไปทางเซ็งๆเหมือนกับทุกวันที่จับคูปองแล้วได้ 10 เปอร์เซ็นต์
เจอหน้าสุดที่รักถามเลยว่า วันนี้ได้กี่เปอร์เซ็นต์... เราก็ทำหน้าบึ้งๆแล้วยื่นคูปองให้ดู.....
ถ้าใครเคยดูการ์ตูนช่อง 3 ช่วงค่ำ เรื่อง 4 Angies นึกถึงตัวการ์ตูนชื่อ "ไก่จัง" ทำตาวิ้งๆๆๆ.... เป็นประกาย จะบอกว่าสุดที่รักทำวิ้งๆๆๆ...มากกว่าเป็น 10 เท่าเลย ดีใจเดินไปทั่ว office โชว์ให้คนทั้ง office ดูกันหมด มีแต่คนอิจฉา

หลังจากได้ 50 เปอร์เซ็นต์มา ก็เดินจูงมือสุดที่รักเพื่อจะไปซื้อไม้แบตอันใหม่ที่ใฝ่ฝัน..... แต่แล้ว....ฝันสลาย เมื่อยืนอยู่หน้าเคาเตอร์เครื่องกีฬาที่มีข้อความบอกไว้ว่า รับคูปองร่วมรายการสูงสุด 30% .......... มันหมายความว่าไง....
ฉันมีคูปอง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่รับคูปองงั้นเหรอ?...... เข่าอ่อนเลย... อดอีกแล้วเรา.... แต่ที่ยังคงยิ้มอยู่ก็คือสุดที่รัก เพราะหล่อนได้เล็งเอาไว้แล้วว่า ถ้าไม่ได้ใช้ 50 เปอร์เซ็นต์กับไม้แบต หล่อนก็จะเอาไปใช้ซื้อเสื้อผ้ายี่ห้อดัง ลดตั้ง 50 เปอร์เซ็นต์
สุดท้ายไม้แบตก็อดอีกเช่นเคย.......

Our Wedding Party


ในที่สุดก็ผ่านไปด้วยดีกับงานแต่งงานที่ผ่านมา ทั้ง 2 วัน

วันแรกที่กาญจนบุรี 18 พฤศจิกายน ดีใจที่แขกหลายๆท่านเดินทางมา ใจจริงก็เกรงใจอย่างมาก เพราะว่าระยะทางค่อนข้างไกล
ไม่ค่อยได้เชิญมามากมายนัก กะไว้ว่าให้ไปที่งานกรุงเทพจะสะดวกกว่า แต่มิตรรักแฟนเพลงก็มากันอย่างล้นหลาม........
บรรยากาศก็มีอยู่ในอัลบัมที่ลงไว้ให้ดูกันไปแล้ว

วันที่ 2 ที่กรุงเทพ ณ Novotel Lotus สุขุมวิท 33 บรรยากาศในงานก็มีลุ้นเล็กน้อย.... ก่อนงานตอนเย็นก็ลุ้นว่าจะมีโต๊ะเหลือหรือเปล่าน้า....
จองไว้ซะเยอะ ตั้ง 30 โต๊ะ แต่ว่าเป็นช่วงวันหยุดยาวด้วย กลัวว่าจะมากันน้อย คุยกับสุดที่รักหลายที ว่าจะชวนใครมาบ้าง ชวนมาเยอะๆ จะได้เต็มโต๊ะที่จองไว้
ไม่ใช่งกซองหรอกนะ... แต่ว่าเสียดายอาหาร เพราะอร่อยมาก เจ้าบ่าวเจ้าสาว ได้กินแค่วันที่ทางโรงแรมนัดมาให้ลองชิมอาหารเท่านั้นแหละ... วันงานไม่ได้ตกถึงท้องเลยซักนิด

พอวันงานปรากฎว่าผิดคาด ญาติทางแม่เจ้าบ่าว มากันอย่างล้นหลาม ส่วนใหญ่จะเป็นแม่ยกที่มาให้กำลังใจ เพราะเจ้าบ่าว
ตอนเด็กๆออกจะน่ารัก เพื่อนแม่ที่เป็นอาจารย์สอนอยู่จำได้ทุกคน วันนี้เลยมากันอุ่นหนาฝาคั่ง หันไปมองสบตากะแม่ที่ทำหน้างงๆอยู่ว่าทำไมมากันเยอะจัง ตอนแรกคุยกะแม่ บอกว่าญาติๆรวมกับเพื่อนแม่แล่ว ไม่เกิน 5 โต๊ะแน่ๆ รวมโต๊ะ VIP ก็เป็น 6 โต๊ะก็ถมเถ แต่เอาเข้าจริง 5 โต๊ะก็แล้ว VIP ก็เต็มแล้ว ต้องไปเบียดกับเพื่อนมัธยมเจ้าบ่าวอีก 1 โต๊ะ
ยึดเพื่อน ม.กรุงเทพของเจ้าบ่าวอีก 1 โต๊ะ แทรกซึมเพื่อนสนิทเจ้าบ่าวอีกครึ่งโต๊ะ แล้วก็บุกข้ามไปยึดฝึ่งที่ทำงานเจ้าสาวอีก 1 โต๊ะ....

สรุป ญาติและเพื่อนแม่ กลืนไปเกือบ 9 โต๊ะ 1 ใน 3 ของงานเลย...... และก็นั่งกันเต็มก่อน 1 ทุ่มด้วยซ้ำ คนเข้ามาในงานจะเห็นเลยว่าห้องจัดเลี้ยงเอียงไปทางซ้าย..... คนเยอะมาก ส่วนอีกฝั่ง
เป็นญาติเจ้าสาว เพื่อนๆและที่ทำงาน นั่งกันหลวมๆ ฝั่งซ้ายคงคิดอิจฉาว่า "ไอ้ฝั่งนู้นทำไมมันนั่งกันน้อยจริง..... ฝั่งนี้เต็มเอียดเลย" ซักพักก็ตามๆกันมานั่งจนเกือบเต็ม

เป็นอันว่างานนั้นเหลือเต็มประมาณ 2 โต๊ะกับเศษอีกนิดๆ เจ้าบ่าวเจ้าสาวโล่งใจ ทั้งกลัวจะไม่มีคนมา และกลัวว่าจะไม่มีที่นั่งพอสำหรับแขก..... ลุ้นทั้งโต๊ะเหลือและไม่พอเลยนะเนี๊ยะ

ใกล้เวลาขึ้นเวที ก็มี VDO Presentation ประวัติเปิดให้แขกชมไปพลางๆ เจ้าบ่าวก็ยืนอมยิ้ม มองหน้าแขกว่าจะชอบแค่ไหน เพราะงานนี้งานตัวเอง เคยทำแต่งานของคนอื่น
เผางานคนอื่นบ่อยๆพองานตัวเอง...เผายิ่งกว่า เสร็จเอาเช้าวันแต่งเลย ลุ้นดีไหมหล่ะ....

เห็นแขกหลายๆคนยิ้มหัวเราะเวลาดู VDO ก็ใจชื้น ไม่เสียแรงที่เผากัน 2 อาทิตย์ก่อนเสร็จ...แหะๆๆ หลายคนชอบใจรูปเจ้าบ่าว จนเอามาแซวว่ารูปตอนเด็กกะตอนโตนี่หน้าเหมือนกันจริงๆ
สรุปว่าจะชมว่าหน้าเด็ก หรือว่าหน้าแก่ตั้งแต่เด็ก??? ส่วนสุดที่รักตอนเด็กสีผมออกแดงๆ ยังกะลูกครึ่ง

ได้เวลาขึ้นเวที จับมือสุดที่รัก มืออุ๊นอุ่น.... สุดที่รักหันมาถามว่า ทำไมมือเย็นจัง...... ตื่นเต้น...... ไม่ค่อยได้ขึ้นเวทีกะเค้าซักเท่าไหร่หรอก ไม่เหมือนกับสุดที่รัก เป็นเจ้าหน้าที่อบรม เค้าชำนาญเวลาพูดต่อหน้าประชาชี ไอ้เรามันชอบอยู่หลังเวทีมากกว่า
หน้าเวทีก็ตื่นเต้นแล้ว.....ไม่ต้องพูดถึงบนเวที (กลืนน้ำลาย..เอื๊อกๆ...)

ขึ้นเวที คุณลุงฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคนมาคล้องมาลัยให้ คุณลุงก็ไปคนไม่คุ้นกับเวทีเช่นกัน สรุป ฝั่งเจ้าบ่าวนี่... ขี้อายหมดทุกคน ก่อนวันงาน ไปขอให้คุณลุงเป็นประธานขึ้นคล้องพวงมาลัย คุณลุงยังอึกอักๆ.... ถามว่า"ต้องพูดด้วยหรือเปล่า
ถ้าจะให้พูดก็เขียนสคริปมาให้ด้วยนะ พูดไม่เป็นเดี๋ยวจะอายเค้า"...เป็นซะอย่างงั้นฝั่งเจ้าบ่าว ก็เลยให้คุณลุงขึ้นมาคล้องอย่างเดียว และก็เชิญ หัวหน้าที่ทำงานสุดที่รักขึ้นมากล่าวอวยพร
ตอนท่านพูดก็พยายามตั้งใจฟัง จับใจความได้แต่ว่าพูดถึงเจ้าสาวเป็นเพชรเม็ดงานขององค์กร เจ้าบ่าวโชคดีที่ได้เจ้าสาวมาเป็นคู่ชิวิต อื่นๆ...อีกหลายอย่าง แต่มาสะดุดตรงที่ว่าอย่าตามใจสุดที่รักให้มากนัก......เอ..... อันนั้นจากประสบกาณ์ที่ทำงาน หรือว่าจากประสบการณ์จากที่บ้านของท่านกันแน่หนอ....???

หลังจากนั้นพิธีก็เป็นไปตามที่เห็นๆ เช่นตัดเค้ก ถ่ายรูปกับแขกในงาน......... ระหว่างเดินถ่ายรูปนั้น ก็มาถึงโต๊ะเพื่อนๆสมัยมัธยม ......."อ๋า..เจ้าบ่าว...ไหนๆก็อ๋าา....มาม่ะให้เกียรติดื่มหน่อย .." เอ๊ย...... โดนซะแหละ.... เพื่อนตรู.... "ขอแค่ครึ่งแก้วแล้วกัน......คุณไม่เคยดื่มกับผมเลยน้า...." ไอ้คำเนี๊ยะพูดมากี่ครั้งแล้ว...แหม๋ๆๆ...
สุดท้ายก็กระดกไปครึ่งแก้ว..... หลังจากนั้นมาอีกคน......" อ๋าาา.....เจ้าบ่าว..ขอผมอีกครึ่งแก้วน้าาา..... " มาเป็นแก๊งค์.... กะมอมเจ้าบ่าวเลยนะนี่ ขอคนละครึ่งแก้ว...พอดีหมดขวด..เจ้าบ่าวหัวทิ่มแน่....
ก็อย่างไรก็แล้วแต่โดนจนหมดแก้วจนได้ เดินผ่านโต๊ะนั้นไป..รู้สึกมึนๆ...... คิดในใจ จะเมาไหมเนี๊ยะ.... นานแล้วที่ไม่ได้กินเหล้า แล้วยิ่งวันนั้นไม่มีอาหารตกถึงท้องตั้งแต่ 11 โมง นี่มัน 2 ทุ่มแล้ว อะไรลงไปในกระเพาะมันก็ดูดได้รวดเร็วเลย... มึนเลย....

เมื่อเดินต้อนรับแขกจนครบทุกโต๊ะ...ในใจคิดว่า..หาโต๊ะที่ว่างๆนั่งกินมั่งดีกว่า แต่...เห็นแม่กวักมือเรียกไหวๆ... อ๋า เรียกไปส่งแขก VIP ของแม่ ที่ต้องไปงานอื่นต่ออีก และก็ทยอยเริ่มกลับกันบ้าง... โถ่อดเลยเรา..
ตอนกลับนี่ วุ่นวายกว่าตอนเข้างานนิดนึง ตรงที่พอจะกลับ พร้อมใจกันกลับซะงั้น ยกมือไหว้กันไม่ถูกเลย..มือไหว้อยู่กะคนนี้แต่ตามองว่าคนนู้นกลับแล้วหนอ..สวัสดีหรือยังน้า... อ้าว..ยังไม่ได้ถ่ายรูปนี่... โอ้... อดทนอีกนิด...
ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆที่เข้ามาถ่ายรูปกันซะมากกว่า เพราะว่าจะถ่ายรูปหมู่...(รูปจ่า รูปผู้กำกับก็ถ่ายได้..ไม่รู้จักไปถ่ายกัน) ช่างภาพก็กดไปได้อีกหลายช๊อต นานๆทีจะมีงานเลี้ยงรุ่น (สรุปว่าเป็นงานเลี้ยงรุ่นใช่ไหมเนี๊ยะ)
เมื่อส่งแขก ไทย จีน.... หมดแล้ว ก็หันกลับเข้าไปมองในห้องจัดเลี้ยง..... เกลี้ยงเลย... อาหาร...เก็บซะหมดเสียแล้ว... เห็นบอกว่ามีเหลือ 2 โต๊ะ ก็ใจชื้นขึ้นหน่อย ได้กินแน่ตรู... แต่ว่า... ญาติเจ้าสาวกะแม่เจ้าบ่าว แบ่งกันเรียบร้อย
เอากลับไปกินบ้านกันหมด..... [T_T] สุดท้ายก็กลับขึ้นห้องตัวเปล่า แล้วก็สั่งอาหารจานเดียวของโรงแรมขึ้นมากินกัน 2 คน พิธีส่งตัว ตอนแรกคิดว่าจะต้องถ่ายภาพพิธีส่งตัวด้วย แต่ว่าแม่เจ้าบ่าว หนีกลับไปซะและ.. แล้วก็ฝ่ายเจ้าสาว
ลืมไปว่าจะมีพิธีส่งตัว ช่วงระหว่างแต่งหน้าเจ้าสาว ญาติๆก็ละเลงห้องหอซะรกไปหมดแล้ว ก็เลย...อ่ะ...ไม่ต้องหรอก..เหนื่อยกันมาเยอะแล้ว ส่งตัวกันเองแล้วกัน หลังจากญาติๆกลับไปแล้ว ถึงรู้ว่าทางโรงแรมเค้าดีมาก อุตส่าห์จัดที่นอน
ปูผ้าใหม่เรียบร้อยเลย แถมโรยดอกกุหลาบไว้บนเตียงอีกด้วย เลยต้องจัดการดึงตัวช่างภาพมาถ่ายรูปเก็บไว้ซะหน่อย

หลังจากส่งทุกคนไม่ว่าจะญาติโกโหติกา หรือว่าช่างภาพหมดแล้ว .........อืม...ถึงเวลาแล้ว..อิอิ...... รอมานาน...แล้ว.......อุอุ....อ๋าาาา......(เซ็นเซอร์)............... คิดไรเนี๊ยะ.... แกะกล่องซองกับของขวัญก่อน นั่งจดชื่อ นับเงิน อยู่นานเหมือนกัน
สรุปว่าได้นอนจริงๆ เที่ยงคืนกว่านิดหน่อย ไม่ดึกมากเท่าไหร่ หลังจากนั้น.....อันนี้เซ็นเซอร์จริงๆ......บอกไม่ด้ายยยยยย...........

แล้วเราก็แต่งงานกัน...........เย้...