สละโสดซะแล้ว(2)

หน้าตาเจ้าบ่าว ที่หลอกให้มาตั้งแต่ตี 5




-- Post From My iPhone

สละโสดซะแล้ว

วันนี้มีโอกาสมางานแต่งเพื่อนสมัยมหาลัย สนิทหน่อย ก็ประมาณเรียกกันว่า คู่เกย์... และก็ครั้งแรกที่ได้ใช้น้องไอ(Iphone) เขียน Blog สดๆ ขณะอยู่หน้าบ้านเจ้าสาว แต่ว่าเหมือนจะเช้าไปหน่อย ยังไม่เปิดเลย


-- Post From My iPhone

ทดสอบภาษาไทย

เป็นภาษาไทย


-- Post From My iPhone

TV online


ช่อง 3 HD












ช่อง 9 HD












Nation channel HD








มีโอกาสได้ไปเดินงาน คอมมาร์ท ที่ศูนย์ประชุมสิริกิต เมื่อเดือนก่อน คนเยอะมากจริงๆ หลังจากห่างหายจากวงการมานาน ส่วนใหญ่จะเดินดูเลือกซื้อให้คนอื่น แต่งานนี้หมายมั่นปั้นมือว่า จะต้องมีติดไม้ติดมือเป็นของตัวเองให้จงได้
วันที่ไปเดินดูเป็นวันพฤหัสช่วงเย็น หลังเลิกงานก็แวะรับสุดที่รักก่อนแล้วก็พาไปเดินงานด้วยกัน ตอนแรกวันนี้ตั้งใจจะไปเดินดูหาข้อมูลซะก่อน แล้วอาจจะมาซื้อวันสุดท้าย เผื่อจะมีของแถมเยอะกว่าวันแรกๆ
ก่อนมาเดินงานก็แอบทำการบ้านมาเล็กน้อย ค้นหาข้อมูลในเน็ตเพื่อจะดูว่ารุ่นไหนที่น่าใช้
ใจจริงอยากจะได้ ibook ที่มี mac osx Leopard เป็นระบบปฎิบัติการ ซึ่งหลายคนที่รู้จักเครื่องนี้คงบอกเหมือนๆกันว่า สวยมิใช่น้อย แต่ราคาซิ... เห็นแล้วก็เหงื่อตก....แพงจริงๆ คงจะไม่ไหวเป็นแน่ เลยหันไปมองยี่ห้ออื่นดูบ้าง แต่มาติดใจกับยี่ห้อใหม่ซึ่งยังไม่เป็นที่นิยมกับคอคอมพิวเตอร์มากมายนัก BenQ

พอไปถึงงานก็ตรงดิ่งไปบูตของยี่ห้อ BENQ แต่ก่อนจะไปถึงบูตของ BENQ ต้องผ่านบูตจัดงานหลายยี่ห้อ คนที่เคยไปงานศูนย์ประชุมคงจะเคยเห็นกันบ้าง เวลาจัดงานคนจะเดินเยอะ
เบียดเสียดกันบ้าง แต่วันนี้ทางเดินเปรียบเหมือนถนนไฮเวย์ 8 เลน ซึ่งมีรถเต็มถนนทุกเลน ค่อยๆกระเทิบๆ...ไปทีละนิด ผ่านทั้ง ACER ยอดขายอันดับหนึ่ง HP Compaq ดีไซน์สวยหรูยอดฮิต ASUS น้องใหม่มาแรง และอื่นๆอีกหลายยี่ห้อ กว่าจะฝ่าฟันมาจนถึง BENQ
แทบจะคอแห้ง.....เพราะผ่านๆมาแต่ละบูต น้องๆพริตตี้ ทักทายกันมาตลอดทาง..... คอมฯไม่ได้ดู....ดูแต่พริตตี้ ....สุดที่รักมองตาเขียวเลย..... แล้วก็มาเจอเครื่องที่เค้าว่ากันว่าคุ้มราคาสุดๆ... ยืนเชยชมอยู่นานพอสมควร ก่อนจะเอ่ยปากถามพนักงาน ถึงรุ่นที่สนใจ พนักงานก็บอกลายละเอียดเงื่อนไข และที่สำคัญ ตามสไตล์
พนักงานขาย "พี่ครับรุ่นนี้ขายดีมากเลย เนี๊ยะร้านข้างๆหมดแล้ว มีลูกค้ามาถามหาเยอะ.... พี่ต้องรีบซื้อน้าาา...เดี๋ยวของจะหมด" ไอ้เราก็ได้แต่มองหน้าแล้วก็ยิ้ม..แหะๆๆ กำลังจะเดินไปถามร้านอื่นๆดูมั่ง สุดที่รักก็สวมวิญญาณนักต่อรอง "...ไม่เอา VAT ได้ไม๊... ร้านอื่นเค้ายังไม่มี VAT เลย(อันนี้มั่วเอา...เพิ่งจะถามร้านแรก)
เนี๊ยะถ้าไม่ VAT จะซื้อเดี๋ยวนี้เลยเนี๊ยะ...." สุดที่รักก็ใช้ลีลาการต่อราคา ทำเอาพนักงานถึงกับอึ้งและคิดหนัก .....ไม่ใช่แค่พนักงาน คนเขียนเองก็อึ้งเหมือนกัน ยังนึกเลย สุดที่รักนี่ต่อแบบเอาให้ร้านเจ๊งเลยนะเนี๊ยะ สุดท้ายคนที่ยอมแพ้ก็คือร้าน... ยอมแพ้ไม่ได้หมายความว่าต่อแล้วจะขายให้นะ... ยอมแพ้ว่าขายให้ไม่ได้หรอก ถ้าร้านอื่นขายให้แบบนี้ได้ "พี่ก็ไปซื้อร้านอื่นเถอะ...ร้านผมไม่ไหวจริงๆ.....!!!"
แล้วก็เดินจากร้านนั้นมา... สุดท้ายก็เดินอยู่ซักพักใหญ่ๆ ก่อนจะกลับบ้านมือเปล่า..... แล้วเจอกันใหม่น้อง BENQ

เก็บไปฝัน 1 คืน กลับมาใหม่อีกวัน วันนี้ตระเวนเดินชมไปเรื่อยๆ เป้าหมายก็น้อง BENQ เช่นเดิม วันนี้ก็ตกลงว่าจะซื้อกับร้านนึง ซึ่งต่อราคากันสุดๆแล้ว จนคนขายอ้อนวอนว่า "อย่าทำกันแบบนี้เลย...ปล้นกันเลยเสียยังจะดีกว่า" หลังจากตรวจสอบความเรียบร้อยของเครื่องแล้วก็จ่ายเงิน แล้วก็เดินตัวปลิวออกจากร้าน สบายใจ แล้วก็แวะดูอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆก่อนกลับ

พอถึงบ้านก็จัดแจงลองทดสอบนู้นลองเล่นนี่ คลุกอยู่หน้าจออยู่หลายชั่วโมง จนสุดที่รักแซวว่าไม่สนใจสุดที่รักเลย คลุกอยู่แต่กับเมียน้อย ไม่สนใจเมียหลวงมั่งเลย (ของสดๆใหม่ๆใครๆก็หลงเป็นธรรมดาแหละเน๊อะ...)
หันไปยิ้มแหย๋ๆกับสุดที่รักแล้วก็นั่งปล้ำกับเมียน้อยคนใหม่ต่อ....

เป็นแบบนี้อยู่หลายวัน จนในที่สุดเมียน้อยคนล่าสุดก็เชื่อฟังแต่โดยดี โดยที่ตั้งใจไว้ตอนแรกว่า จะซื้อคอมเครื่องนี้มาใช้งาน แล้วก็อยากจะได้ ibook ไว้โชว์เท่ห์ๆ แต่คงจะซื้อ 2 เครื่องไม่ไหวเลยต้องใช้วิธีข่มขืนเล็กน้อยให้ Windows และ Mac OS อยู่ด้วยกันได้ในเครื่องเดียว
อยากลองก็ไปอ่านได้ review ไว้ทุกขั้นตอน



แล้วเธอก็ตกเป็นของเราจนได้... โฮะๆๆๆ

เส้นทางรัก

หลังจากเดินเล่นตลาดน้ำ เมื่อตอนเช้าวันเสาร์ ช่วงบ่ายก็เตรียมตัวไปต่างจังหวัดเพื่อไปงานแต่งงานของเพื่อน ม.ปลายอีกคน ที่เพชรบูรณ์

เจ้าบ่าวเกษมและเจ้าสาวแหม่ม



นัดกันกับเพื่อนอีก 2 คน คุณกิติพงษ์กับคุณสุกิจ ว่าจะไปด้วยกัน ทริปนี้ก็เป็นคนขับรถเหมือนตอนเช้า แต่ไม่ใช่รถตัวเอง... เหตุเพราะคุณกิติพงษ์ โดนเสี่ยอ๊อดพาไปตระเวนคลายร้อน หลังจากไปร่วม งานของฉัตฤกษ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา วันนี้เลยขอตัวนอนพักผ่อนเอาแรงบนรถ



ออกจากเซ็นทรัล บ่าย 2 โมงกว่าๆ ขับออกไปทางถนนวงแหวนตะวันออกมุ่งสู่บางปะอิน เพื่อนร่วมทางนั่งหลับตั้งแต่ ครึ่งทางของถนนวงแหวน ก่อนจะเดินทางวันนี้ก็เตรียมตัวเปิดดูแผนที่ทางไปจาก Google Map ก็ดูไปงั้นๆแหละ ไปง่ายจะตาย จะยากก็ตอนหลงทางเท่านั้นแหละ... ( กลัวหลงซะจริงๆเลย... อยากได้ GPS รอสุดที่รักอนุมัติ )



พอใกล้ถึงบางปะอิน ก็มีโทรศัพท์เข้ามา...

"พวกคุณออกมาจากกรุงเทพหรือยัง.....อยู่แถวไหนแล้ว!!!"

เพื่อนๆที่ไปงานเช่นกัน แต่ว่าออกเดินทางกันไปตั้งแต่เช้าคือ ดิวกับยศ
คุณสุกิจ เป็นคนรับโทรศัพท์ก็บอกว่า "ยังไม่ถึงบางปะอินเลย....."

"เอ๊ยเร็วๆหน่อยซิ.... ก่อนถึงสระบุรีก็ออกเลี่ยงเมืองไม่ต้องผ่านตัวเมืองสระบุรีให้รถติด จะได้มาเร็วๆไม่ค่อยมีรถ แต่ระวังวิ่งขวาก็ดูๆตำรวจด้วย...." ต้นสายแนะนำเส้นทาง

"...ยังไม่ถึงบางปะอินเลย... อีกซักชั่วโมงค่อยโทรมาบอกก็ได้....." คุณสุกิจโต้ตอบไปทันควัน
ไม่รู้จะรีบบอกทำไม...... นึกในใจ

หลังจากนั้นก็ขับต่อกันไปซักพักใหญ่ๆก็มีโทรศัพท์เข้ามาอีก

"ถึงไหนกันแล้วว่ะ...."

ในใจคิดว่า มันนึกว่าขับเครื่องบินไปหรือไงฟร่ะ.... ยังไม่ทันถึงไหนเลย... โทรมาถามอีกแล้ว
จะรีบไปไหนกัน... น่าจะยืมเครื่องบินฉัตฤกษ์มาขับไปเพชรบูรณ์ซะก็ดี

ระยะทางก็ไกลอยู่เหมือนกัน โชคดีที่รถน้อยไม่ค่อยติดเท่าไหร่ จึงไปถึงที่พักประมาณ 5 โมงเย็น

ที่พักชื่อว่าโรงแรมปิยะมิตร



ดูจากด้านนอกก็คล้ายๆกับรีสอร์ทปรกติธรรมดา แต่พอเลี้ยวรถเข้าไป



....แค่คิดเฉยๆ ยังมิทันพูดอะไร สุกิจก็ทักขึ้นมาก่อนว่า "ทำไมห้องพักมันเหมือนม่านรูดจังว่ะ..."
อืม... นั่นดิ...

แต่เป็นแค่ด้านหน้าของรีสอร์ทเท่านั้น ส่วนด้านในก็มีบ้านพักเป็นหลังๆ
ที่พักค่อนข้างสวยและใหม่ แล้วก็บ้านพักที่พวกเราพักนั้น ดูเมื่อจะเพิ่งทำเสร็จเพราะดูจากการเดินสายไฟมาที่บ้านพัก... ยังลากอยู่กับพื้นอยู่เลย



แต่รวมๆก็สวยดี ใช้ได้ๆ ด้านหลังห้องพักติดแม่น้ำ ถ้าเป็นฤดูที่มีน้ำเยอะคงจะสวยมากทีเดียว



แต่วันนี้น้ำออกจะแห้งไปซักหน่อย ก็เป็นที่น่าสงสัยว่า ละแวกแถวนั้นไม่น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซักเท่าไหร่ แต่ทำไมมีรีสอร์ทมาตั้งแถวนี้...
( แอบไปเอารูปมาจากเว็บไซท์ของโรงแรมเค้า ไม่ได้ไปถ่ายเอง... )

ยังไม่ทันได้หายเมื่อยหลังจากขับมือเดียวมาถึงเพชรบูรณ์

"เอ๊ย...ไปช่วยยกต้นไม้กันหน่อยดิ.... ไม่มีคนช่วยเลย" ว่าที่เจ้าบ่าวเอ่ยปาก

ว่าแล้วเชียว... ไอ้ที่โทรไปเร่งยิกๆๆ ก็อยากให้มาช่วยงานเร็วๆซะงั้น
แล้วก็ออกเดินทางต่อไปยังบ้านงาน



ไปถึงบ้านงาน ก็ช่วยกันเตรียมจัดต้นไม้ แขวนรูปหน้างาน จัดโต๊ะวางกล่องใส่ซอง ระหว่างนั้นก็มีสมาชิกเดินทางมาสมทบอีก 2 คน พี่นคร กับ ชวลิต ก็โดนเรียกมาช่วยกันทำซะเลย
ก็จัดนู่นจัดนี่ไป จนเเพื่อนคนนึงทักขึ้นมาว่า

"เสร็จหรือยัง จะได้กลับไปนอน... จะ 4 ทุ่มแล้ว"

เอ๊ย...แป๊ปเดียวเอง...จะ 4 ทุ่มแล้ว?

ระหว่างกลับก็แวะซื้อเสบียง กะว่าจะกลับไปตั้งวงคุยกันซะหน่อย ตอนแรกเห็นบอกว่าจะมีตั้งวงไพ่ด้วย แต่ว่าสมาชิกวงไพ่มีน้อย (พี่นคร ชวลิต กิติพงษ์) เลยสรุปว่าล้มวงไพ่ เหลือแต่วงเบียร์แทน

ตามประสาคนอายุใกล้ 40 ก็นั่งคุยกันแต่เรื่องตอนสมัยเรียนทำวีระกรรมอะไรบ้าง เริ่มดึกขึ้นอีกนิด เบียร์หมดไปอีกขวด เริ่มเกี่ยวกับเรื่อง อกหักรักคุดตุ๊ดเมิน พอกับแกล้มเริ่มหมด เหลือแต่เบียร์เพียวๆ ก็คุยเรื่องธรรมะ กฎแห่งกรรม..... นี่ถ้าตอนเช้าไม่ได้ไปงานแต่ง... สงสัยคงคุยกันจนชวนกันไปบวชไม่สึกเป็นแน่...

อากาศไม่ค่อยจะเย็นเท่าไหร่แต่ทำไมน้ำให้ห้องน้ำถึงหนาวเหลือเกิน โชคดีที่ห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น แต่ก็ยังมีบางคนซักแห้ง....

วันรุ่งขึ้นก็มีเพื่อนมาสมทบกันอีก 3 คน คุณชัยยันต์ คุณชลรัฐ แล้วก็คุณอมรเทพ
ไปถึงบ้านงานประมาณ 6.30 เจอเจ้าบ่าวสุดหล่อ แล้วก็เกณฑ์ให้ไปช่วยถือของในขบวนขันหมาก ด่อมๆมองๆจะจองถืออะไรดี สุดท้ายได้ต้นกล้วย แล้วก็ไปยืนหน้าขบวนเลย เริ่มเคลื่อนขบวนก็ประมาณ 6.59

เสร็จพิธีเช้าก็ประมาณ 8 โมง เจ้าภาพมีอาหารเช้าเลี้ยงแขกเป็น ข้าวต้มเครื่อง และที่ขาดไม่ได้ ไก่ย่าง วิเชียรบุรี หมดไป 3 จาน

หลังจากนั้นก็นั่งคุยกันซักพัก ก่อนจะกลับไปนอนพักผ่อนที่โรงแรมกันต่อ เพื่อรองานช่วง 10 โมง...

10 โมงแล้ว แต่ยังไม่ได้ออกไปกันเลย เพราะว่ายังง่วงๆกันอยู่ กว่าจะได้ไปจริงๆก็ 11 โมงได้ ไปถึงก็รอกิน นั่งคุยไปกินไปจนเกือบ บ่าย 2 ก็ถึงเวลาที่จะไปเข้าโบสถ์ทำพิธีทางศาสนาคริสต์
จากบ้านงานไปอีกไกลพอควร ประมาณ 10 กิโล ผ่านทุ่งนาหมู่บ้าน มานั่งคุยกันว่าแถวนี้มีโบสถ์ด้วยรึ? แถมระหว่างทาง ไม่ค่อยจะมีสัญญาณมือถืออีกต่างหาก



ยิ่งขับไปก็ยิ่งนึกว่าพวกเราหลงกันหรือเปล่าเนี๊ยะ รู้งี้ขับออกมาพร้อมขบวนของเจ้าบ่าวเจ้าสาวซะก็ดี เพราะว่าตอนออกมาคิดว่าคงจะไปง่ายๆ สุดท้ายก็ถึงจนได้นึกว่าหลงซะแล้ว....




พิธีก็เรียบๆง่ายๆ คล้ายๆกับดูหนังฝรั่งตอนเค้าแต่งงานกันในโบสถ์ ฝ่ายสนับสนุนค่อนข้างจะซาบซึ้ง นั่งอยู่เก้าอี้ด้านหลังหลับตาอยู่ในความสงบกันเกือบทุกคน ( ผงกหัว..หงึกๆ ดีที่ไม่กรน... )





หลังพิธีก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วก็แยกย้ายกันกลับ ออกจากเพชรบูรณ์ ประมาณ 4 โมง ระหว่างทางก็แวะตัวเมืองสระบุรี ซื้อของฝากเล็กน้อย ถึงกรุงเทพก็สองทุ่มกว่าๆได้หล่ะมั้ง

เป็นฝั่งเป็นฝาไปอีก 1 คู่ รอดูว่าคู่ต่อไปจะเป็นใคร

ชมตลาด



เคยโดนถามว่าตลาดน้ำบางน้ำผึ้งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากละเวกบ้าน เป็นยังไง น่าไปเที่ยวไหม
ก็ไม่ค่อยจะตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำซักเท่าไหร่ ว่าน่าเที่ยวหรือไม่น่าเที่ยว เพราะสารภาพว่าไปเดินนับครั้งได้เลย
อยู่ใกล้แค่เนี๊ยะแต่ชอบไปเดินซีคอนกับเซ็นทรัล....

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปเดินเล่นตลาดน้ำอีกครั้ง เหตุเพราะเพื่อนสมัยเป็นครูของแม่
อยากจะลองมาเที่ยวตลาดน้ำดูซักครั้ง ทั้งๆที่บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาดน้ำแต่ไม่เคยมา เป็นเพราะว่าปัญหาทางสุขภาพ แม่จึงให้เป็นคนขับรถพาแม่กับเพื่อนเที่ยวกันซะหน่อย
เนื่องจากบ้านเพื่อแม่อยู่แถวกรมสรรพาวุธจะมารับตอนช่วงเช้า คนขับรถก็พาขึ้นสะพานสามแยก.... ที่เรียกว่าสะพาน 3 แยกเพราะว่า เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเพียงสะพานเดียวในประเทศที่มีทางขึ้นและลง 3 ทาง ( จะโอเวอร์ไปไหมเนี๊ยะ.... ) ขับขึ้นไปชมวิวของเกาะบางกระเจ้า ที่เค้าเรียกๆกันว่าปอดกลางเมือง เพราะเป็นพื้นที่ ที่ยังมีต้นไม้ขึ้นอยู่เยอะพอสมควร (แต่ไม่รู้จะอีกนานหรือเปล่า) เมื่อไปถึงตลาดน้ำก็พาเดินชมของกิน...ชมเฉยๆยังไม่ได้กิน เพราะว่าเยอะจริงๆ ตัวคนขับรถเองเคยมา แต่ไม่เคยเจอคนเยอะเหมือนวันนี้ มารู้ทีหลังว่าเป็นวันครบรอบวันเกิดของตลาดน้ำ มีแจกคูปองรับของที่ระลึกมากมาย

เดินดูซักพักก็รู้สึกหิว... (จริงๆก็ไม่ได้หิวหรอก..อยากกินมากกว่า) ก็แวะร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ซดกันไปพอรู้รส คนละ 2 ชาม ชามละ 12 บาทเอง.... แล้วก็เดินต่อไปดูร้านขายขนม ร้านขายของที่ระลึกบ้าง เดินอยู่ประมาณ ชั่วโมงเศษๆ รู้สึกว่าคนเยอะจริงๆ ได้ยินคนที่เดินไปเดินมาพูดว่า

"อากาศดีจัง สดชื่น ไม่ต้องไปไกลถึงดอนหวาย..."

ได้ยินก็นึกกระหยิมยิ้มย่องในใจ คนกรุงเทพเนี๊ยะน้า..เชยจริงๆ เค้ามีมาตั้งนานแล้วเพิ่งจะมาเดินเรอะ.....โฮ่ะๆๆๆ...( ว่าตัวเองว่าเป็นบ้านนอกซะงั้น... )

ระหว่างเดินดูของก็มีคนทักแม่หลายคน ไม่ว่าจะเดินไปตรอกซอกซอยไหนก็มีคนเข้ามาสวัสดี แต่คนขับรถเองก็รู้จักมั่งไม่รู้จักมั่ง แม่เรานี่ช่างเป็นคนที่ คนทั้งบางน้ำผึ้งรู้จักกว้างขวางซะจริงๆ อย่างนี้น่าจะส่งสมัครเลือกตั้ง อบต. มั่งซะดีไหมเนี๊ยะ....

หลังจากเดินดูซื้อของฝากกลับบ้านได้ซักพัก ก็พาแม่และเพื่อนกลับ แต่ขากลับไม่ได้พาขึ้นสะพานชมวิวเหมือนตอนขามา แต่คราวนี้พาลงแพข้ามแม่น้ำแทน ได้อารมณ์ตื่นเต้นไปอีกแบบ...
เหลียวมองนาฬิกาใกล้จะเที่ยงแล้ว เป็นที่รู้กันกับแม่ว่า คนขับรถมีธุระต้องไปงานแต่งงานต่างจังหวัดตอนบ่ายโมง เมื่อไปส่งเพื่อนแม่เสร็จก็เลยจำเป็นต้องปล่อยแม่ข้ามเรือหน้าบ้านกลับเอง
ช่างเป็นลูกทรพีจริงๆเลย......( เข็กหัวตัวเองแรงๆ 1 ที )

ก่อนกลับแม่ฝากลูกชมพูจากต้นที่อาแป๋วเคยตกต้นไม้มาแล้ว มาให้สุดที่รัก ว่าแล้วก็นึกถึงคุณอาที่แสนเก่ง ไม่รู้ว่าหายดีหรือยัง ไม่ได้ไปเยี่ยมเลย



หลังจากฝ่าฟันกับการจราจรอันติดขัดในช่วงเย็นวันศุกร์ต้นเดือน ก็มาถึงงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของ "ฉัต" เพื่อนสมัย ม.ปลาย แอบอยู่นานไม่รู้ว่ากลัวเพื่อนๆจะแย่งจีบ หรือว่าไม่กล้าพามาให้เพื่อนๆเผา(เม้าส์)กันต่อหน้า เหมือนกับพี่แหงวก็ไม่ทราบ
มีคนเคยเห็นเจ้าสาวอยู่เพียงคนเดียวซะหล่ะมั้ง แถมเจอก่อนแต่งงานเพียงไม่นานอีกซะด้วย... แหม๋ช่างแอบเก่งซะจริงๆ

ก่อนเข้างานพอดีเจอกับเพื่อนที่หน้างานพอดีเลยเดินเข้าไปพร้อมกัน ไม่อยากเข้าไปคนเดียวเพราะว่าไม่รู้จักใครเลย เพื่อนเจ้าบ่าวส่วนใหญ่จะเป็นทหารอากาศ ไปคนเดียว เดี๋ยวจะโดนหมั่นไส้ โดนเครื่องบินทิ้งระเบิดที่บ้านซะ...
แล้วงานก็ค่อนข้างจะหรู ไอ้เราก็แต่งตัวเป็นหนุ่ม office แค่เสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวสีดำ เดินเข้าไปแล้วเหมือนเป็นแกะดำ...

เจอเจ้าบ่าวหน้างานก็เข้าไปถ่ายรูปเป็นที่ระทึก.... เป็นครั้งแรกที่ได้เจอหน้าเจ้าสาวของเพื่อนคนนี้ ดูท่าทางจะเป็นคนอบอุ่น... สงสัยเป็นทหารอากาศบินบนที่สูง อากาศก็หนาว เลยต้องหาสาวไปกอดให้อบอุ่น (ไม่ได้แซวอะไรเลยน้าาาา)
เจ้าบ่าวบอกว่ามีเพื่อนๆมากันบ้างแล้วอยู่ข้างใน พอเดินไปสำรวจด้านใน โอ้แม่เจ้า ราตรียาว เสื้อสูต เกลื่อนเลย เดินเข้าไปแล้วมีความรู้สึกเหมือนเด็กเสริฟยังไงไม่รู้ รีบไปหาเพื่อนๆดีกว่า.... จึงมองหาเพื่อนๆ

เป็นที่สะดุดตาอย่างยิ่ง เพราะมองเห็นถึงความแตกต่าง เหมือนมีกลุ่มแกะดำยืนอยู่ที่โต๊ะค๊อกเทลกำลังตักกินกันอย่างเมามัน
โดยเฉพาะเสี่ยอ๊อด หลังจากเดินเข้าไปหา เสี่ยอ๊อดก็มาพูดด้วยประโยคแรกว่า "เอาเลยไปตัดอาหารมากินกันก่อนเลย" ....ใจคอจะไม่ทักเพื่อน ถามถึงสาระทุกข์สุขดิบก่อนเลยหรือไงนะ.....

ก็ยืนจับกันเป็นกลุ่มก้อน คุยกันได้ซักพักก็ถึงเวลาเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวที แล้วก็มีกล่าวขอบคุณแขกในงานเล็กน้อย



หลังจากนั้น ก็มีนักเรียนทหารน่าจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ฉัตหล่ะมั้ง เดินแถวเข้ามาถือกระบี่ให้อาจารย์ฉัตและเจ้าสาวลอดซุมกระบี่



เป็นที่น่าเสียดายที่เก็บภาพมาไม่ได้มากนัก เพราะไม่ได้เอากล้องไป ได้แต่ถ่ายไว้ในกล้องมือถือ ภาพเลยอาจจะไม่ชัด
ก่อนจะขอตัวลาแยกย้ายกันกลับบ้านก็ได้มีโอกาสถ่ายรูปหมู่เป็นที่..ระทึก..อีกครั้ง (หะ..หะ..ล้อเล่นนนน...)
เมื่อขบวนเพื่อนๆเดินออกมาจากงานแล้วต่างคนก็แยกย้ายกันไป แต่รู้สึกว่าจะมีนัดไปต่อกันที่ไหนซักแห่ง เพราะว่าเป็นวันศุกร์ต้นเดือน และอากาศค่อนข้างร้อน
เสี่ยอ๊อดเลยคิดจะไปคลายร้อนซะหน่อย ก็เห็นว่ามีคนติดตามไปด้วย
แต่ตัวคนเขียนเองต้องไปรับสุดที่รักที่กำลังจัดงานสัมนาของบริษัทอยู่แถวบางกะปิ จึงรีบขอตัวไปก่อน เลยไม่รู้ว่าเสี่ยอ๊อดพาเพื่อนๆไปตระเวนคลายร้อนแถวไหน
แต่เท่าที่ได้ยินวีระกรรมเกี่ยวกับเสี่ยอ๊อดในวันถัดมาจากคนที่ไปด้วย... บอกได้คำเดียวว่าผิดหวังจริงๆ......

..........................................



แล้วเพลง "ทหารอากาศขาดรัก" ก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป......

ครบแล้ว 90,000 กิโล....



ครบแล้ว 90,000 กิโล น้องตาหวาน หลังจากซื้อมา 1 ปีพอดี
ช่างโชคดีที่ได้น้องตาหวานคันนี้มา ไม่เกเรเลย
มีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับสุดที่รักหลายที่โดยมีน้องตาหวานคันนี้พาไป เช่นที่พัทยา
ไม่เหมือนคันก่อนส่วนใหญ่จะขับในเมือง แต่ค่อนข้างจะกินจุเล็กน้อย
กว่าจะถ่ายรูปตอนถึง 90,000 กิโลได้ ลุ้นอยู่หลายภาพเพราะไม่ได้หยุดรถถ่าย....
ถ่ายมันตอนกำลังขับมันนี่แหละ ซ้อมถ่ายตั้งแต่ตอน 89,997...89,998...89,999



ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ 80,000 กิโล จอดนิ่งๆให้ถ่ายเลย

HTC TOUCH Fever

หายไปเป็นเดือน แล้วในที่สุดก็ได้กลับมาเขียนอีกครั้ง ช่วงที่หายๆไปก็มีเรื่องหลายอย่าง แต่สดๆร้อนๆที่เป็นกระแสเทคโนโลยี คือ HTC TOUCH



เริ่มมาจากว่า สุดที่รักอยากเปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่เพราะว่าเครื่องเดิมมันรวนๆ พอดีกับช่วงนั้นมีโปรโมชั่นเปลี่ยนเครื่องใหม่เบอร์เดิมของมือถือค่ายนึง
ก็ไปเปลี่ยนมาแต่ว่าเครื่องที่ไปเปลี่ยนมา มันก็งั้นๆ ใช้แค่โทรศัพท์กับเป็นนาฬิกาปลุก เมื่อเปลี่ยนได้แล้วสุดที่รัก็ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่หรอก ฟังก์ชั่นทั้งหลาย
จริงๆแล้วโทรศัพท์เอง..ทำได้ทั้งฟังเพลง เล่นเนต และอื่นๆ.......

ผ่านไปหลายเดือนอยู่ มือถือค่ายเดิมออกโปรโมชั่นใหม่มา เปลี่ยนเครื่องใหม่เบอร์เดิม แต่ว่าคราวนี้มีโทรศัพท์ที่เป็น PDA ในตัวที่ชื่อว่า HTC TOUCH สุดที่รักก็ออกอาการเสียดายซิ เพิ่งจะไปเปลี่ยนมาไม่กี่เดือนเอง ออกรุ่นใหม่มาให้ยั่วน้ำลายอีกแล้ว ..(จิงๆแล้วคนยุยงส่งเสริมก็คนเขียนนี่แหละ)
บวกกับมีน้องที่ office ของสุดที่รักเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่เป็น PDA Phone แต่เป็นรุ่นอื่น ทำให้สุดที่รักอยากเปลี่ยนใหม่ยิ่งขึ้น
เลยติดต่อไปทางศูนย์บริการของโทรศัพท์ค่ายนั้น แต่ได้รับการตอบกลับมาว่า

"คุณเพิ่งใช้โปรโมชั่นเครื่องใหม่เบอร์เดิมไป ต้องรอให้ครบ 1 ปีก่อนนะคะ ถึงจะใช้โปรโมชั่นใหม่นี้ได้ค่ะ"

สุดที่รักก็ไม่ค่อยพอใจซิ เอะ...ก็ตอนที่ไปเปลี่ยนตอนแรกมันไม่มีให้เลือกรุ่นนี้นี่ ทำไมหล่ะก็อยากเปลี่ยน แถมจะใช้แพกเกจโทรแพงกว่าเดิมด้วย.. ทำไมไม่เปลี่ยนให้หล่ะ.........
ด้วยความไม่พอใจ จึงวางแผนปิดเบอร์ของค่ายโทรศัพท์ดังกล่าว แล้วก็จะหันไปซื้อเครื่องเปล่าเบอร์ใหม่ จากค่ายอื่นแทน

ก็หาข้อมูลของเครื่องนี้อยู่นานว่ามันทำอะไรได้บ้าง แต่ที่ชอบก็คือ"มันสวย"เป็นเหตุผลสำคัญ ราคาตอนนั้นอยู่ที่ 19,900 ราคาศูนย์..... หลังจากหาข้อมูลอยู่ซัก 1 สัปดาห์ สุดที่รักก็จูงมือพาไปเดิน มาบุญครอง...... ตาลายจริงๆ เยอะไปหมด แวะถามร้านนู้น ดูราคาร้านนี้ เดินอยู่ 3 รอบ ก็มาสรุปที่ร้านนึง ราคา 18,900 ประกันศูนย์ ไม่รวมลงโปรแกรมต่างๆ จะเอามาลองลงเอง
ได้กลับมาก็จัดการปู้ยี่ปู้ยำเครื่องที่ได้มา แล้วก็ให้สุดที่รักเอาไปใช้ที่ office ให้คนใน office อิจฉาเล่นๆ เครื่องใหม่น้าาา...สวยด้วยยย



ยังไม่พอ ยังไปเดินมาบุญครองอีกรอบ เพื่อไปซื้อซองใส่เครื่อง
ราคาจำไม่ได้ ประมาณ 300-350 ได้หล่ะมั้ง เป็นซองหนัง และยังไม่หมด..... ซองยังไม่สวยเลย แวะซื้อสติกเกอร์เพชร ที่เป็นเม็ดสีๆหลายๆสี ติดซองใส่ HTC อีกประมาณ 400 กว่าบาท (น่าจะมากกว่านั้นนะ.......)
กลับมาบ้าน สุดที่รักก็จัดแจงเอาสติกเกอร์ที่ซื้อมาออกมาแปะซองหนังอย่างสวยงาม ไฮโซโก้หรูเป็นที่สุด รุ่งขึ้นก็เช่นเคย.... ตาบอดกันไปทั้ง office เพราะฤทธิ์ แสงเพชรจากซองใส่ HTC ของสุดที่รัก

(ระวังแสงจากเพชรเข้าตา กรุณาใส่แว่นกันแดดก่อนดูรูป...)


ไม่นาน... ทางร้าน DATA IT จัดโปรโมชั่นเครื่อง HTC TOUCH ราคาเดียวกับเครื่องศูนย์เลย 19,900 แต่ว่า..... เมื่อมีบัตรเครดิต KTC สามารถผ่อน 0 เปอร์เซ็นต์ 10 เดือน อุปกรณ์ครบทุกอย่าง แถมคู่มือของ HTC อีก 1 เล่ม และหน้ากากซิลิโคน 4 สี 4 อัน แต่ไม่หมดแค่นั้น โปรโมชั่นยังบอกว่าไม่ต้องผ่อน 2 เดือน หรือ ราคาเครื่องหายไปเลย เหลือ 15,000 กว่าบาท

โอ้แม่เจ้า.... ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ราคาหายไป 4 พัน แต่ว่าเค้าจัดโปรโมชั่นนี้ที่ DATA IT สาขาละ 5 เครื่องเท่านั้น

หัวหน้าที่ office ของสุดที่รักก็เลยทำท่าสนใจ เพราะเห็นจากที่สุดที่รักเอาตัวเป็นๆไปโชว์ยั่วน้ำลายคนใน office ก็เลยควักบัตรจ่ายไป 1 เครื่อง ได้มาครองสมใจ ทามกลางความเสียดายของสุดที่รักว่า "ทำไมไม่มีโปรโมชั่นให้มันเร็วกว่านี้..."

ยังไม่จบแค่นั้น..... หลังจากนั้นไม่กี่วัน พี่ๆที่ทำงานในเครือบริษัทเดียวกันของสุดที่รัก ได้ข่าวถึงความไฮเทคและราคาถูก ก็เลยถอยออกมาอีก 2 เครื่อง

เป็นอันว่าพี่ที่ office ของสุดที่รัก โดนสุดที่รักปล่อยไวรัสความไฮเทคและความสวยของ HTC TOUCH ไปหลายคน แต่โดนหนักที่สุดคือ สุดที่รัก ที่ได้แต่เสียดายของแถม และราคาที่ต้องจำไปอีกนาน .....น่าสงสารสุดที่รักจัง

Meeting สวิงสุดๆ!!!



รำลึกความหลังเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ได้มีโอกาสพบเจอเพื่อนมัธยมสมัย ม.ต้น
ใช่ว่าอยู่ดีๆจะมาเจอกันโดยมิได้นัดหมาย
แต่เหตุเกิดเพราะว่าเพื่อนคนนึงซึ่งไม่ได้เจอกันนานแล้ว นึกยังไงก็ไม่รู้ (ยังไม่ได้ถามเหมือนกันว่านึกยังไง...) ค้นหาชื่อเพื่อนๆหรืออะไรซักอย่าง ดันมาเจอ blog แห่งนี้ แล้วจำได้ว่าเป็นเพื่อนกันสมัย ม.ต้น
ก็ได้ส่งเมลล์มาทักทายและรู้เรื่องของงานแต่งงานที่ผ่านมา บ่นว่าอยากเจอเพื่อนหลายๆคน เลยมีความคิดจะจัด Meeting พอดีได้โอกาสเหมาะช่วงต้นเดือนกุมภา ก็นัดเจอกันที่ร้านอาหารที่มีคาราโอเกะ แถวๆถนนบางนาตราด

ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะมากันเยอะ คิดว่าซัก 6 - 7 คนก็ดีแล้ว วันนั้นไปถึงที่ร้านก็ตกใจ มากันเยอะมาก นับไปนับมา ดูเหมือนจะเยอะกว่างานวันเด็ก ที่เพิ่งนัดเจอเพื่อนๆม.ปลาย ซะอีก หลายคนไม่ได้เจอกันนานมาก ตั้งแต่เรียนจบม.ต้นไป



...บางคนก็เห็นกันจนเบื่อตั้งแต่ ม.ต้น ถึง ม.ปลาย ยัน มหาลัย.......



ส่วนใหญ่ที่มากันในวันนี้ ออกตัวไว้ว่าโสดกันทุกคน เพราะไม่มีใครเอาผู้บังคับบัญชามาด้วยซักคน....
แต่ตอนจะกลับรู้สึกว่าจะมีโทรศัพท์เข้ามาเป็นระยะๆ คาดว่าคงจะเป็นคนขับรถ... (เดี๋ยวนี้เพื่อนๆเป็นอาเสี่ยอาซ้อกันเยอะ มีคนขับรถส่วนตัวมารับด้วย)

หวังไว้ว่าคงจะมี Meeting กันอีกหลายๆครั้ง

ดูรูปได้เต็มๆที่นี่เลย